จีนประกาศปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำอีกร้อยละ 18
มาตรฐานค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละประเทศค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นตามอัตราค่าครองชีพที่ขึ้นสูงเช่นกัน อย่างในประเทศไทยได้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน และแรงงานที่จบระดับปริญญาตรีในส่วนราชการจะได้เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อหน่วยงานราชการปรับขึ้น ภาคเอกชนก็ปรับขึ้นเช่นกัน และลดอัตราการจ้างงาน เน้นผู้มีประสบการณ์ให้เข้ามาทำงานมากกว่า หรือยอมซื้อตัวพนักงานที่มีความชำนาญในสายงานที่ต้องการแทน เพราะจะได้พนักงงานที่สามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า
เมื่อไม่นานมานี้ จีนประกาศปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำอีกร้อยละ 18 โดยกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางสังคมของประเทศจีน มีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือนให้แก่ผู้ใช้แรงงานใน 26 เขตเทศบาล รวมถึงเมืองใหญ่อย่างนครปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ รวมถึงมณฑลกวางตุ้ง เจ้อเจียง เหอหนาน และกุ้ยโจว โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นนี้ จะมีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 18 โดยมหานครเซี่ยงไฮ้เป็นเขตที่มีค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือนสูงที่สุดในประเทศคือ 1,620 หยวน ซึ่งทำให้ตั้งแต่ช่วงปี 2556 ที่ผ่านมาแรงงานจีนได้รับเงินเดือนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นแล้วร้อยละ 8.5
การที่ จีนประกาศปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำอีกร้อยละ 18 ครั้งนี้เพื่อช่วยลดช่องว่างของเงินเดือนระหว่างพนักงานระดับผู้จัดการกับระดับกรรมกร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศจีนอีกอย่างหนึ่ง ที่มีกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็นจำนวนมาก เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างชัดเจน ด้วยค่าครองชีพที่ทะยานขึ้นอย่างช้า ๆ หากไม่มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ อาจเกิดการประท้วงของแรงงานในประเทศได้ เพราะกลุ่มผู้ใช้แรงงานคงทนรับสภาพไม่ไหวอย่างแน่นอน
จะเห็นได้ว่า ปัญหาการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำกำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ
ไม่เว้นแต่แม้จีน มหาอำนาจทางธุรกิจในขณะนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์