มาตรการ QE ที่สหรัฐและญี่ปุนนำมาใช้คืออะไร
สัปดาห์ที่แล้วได้ยินข่าวมาตรฐาน QE ของสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นที่นำนโยบายเดียวกันมาใช้ แต่ผลัดกันใช้ อีกคนหยุด อีกเคนเริ่ม ฟังแลวอย่าเพิ่งงงนะคะ เพราะถ้าพิจารณาดูแล้ว เป็นผลดีกับเรา ๆ ทั้งหลายที่รอข่าวบวกทางด้านเศรษฐกิจกันมานาน
มาตรการ QE คืออะไร
ภาษาชาวบ้าน ๆ ก็คือการอัตฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นให้มีเม็ดเงินมากขึ้น กระตุ้นต่อมอยากให้ผู้บริโภคทั้งหลายอดใจกันไม่ไหว ต้องจับจ่ายใช้สอย เมื่อจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ความต้องการหรือ Demand เพิ่มขึ้นก็ไปกระตุ้นภาพรวมของธุรกิจต่าง ๆ ให้ขยับคลับเคลื่อนกันล่ะค่ะ
ทำไมอเมริกาหยุดใช้มาตรการ QE เพราะเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นก็เริ่มหยุดอัดฉีดเม็ดเงิน ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลธรรมชาติ ก็น่าจะเป็นข่าวดีที่ทางอเมริกาเริ่มค่อนข้างมั่นใจว่าที่กระตุ้นมาแล้วเอาอยู่ เริ่มปล่อยมือได้แล้ว
ส่วนญี่ปุ่นทำไมจึงต้องอัดฉีด ญี่ปุ่นต้องการให้ค่าเงินอ่อนลงอีกหน่อย ของจะได้ขายง่าย ๆ ขึ้น การอัดฉีดเม็ดเงินด้วยมาตรการ QE จึงเหมือนยาบำรุงกระตุ้นยอดขาย เมื่อค่าเงินอ่อนลง ของถูกลง คนที่กำลังพิจารณาซื้อก็ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าโดยธรรมชาติสินค้าญี่ปุ่นคุณภาพดีอยู่แล้ว เพียงแต่ราคา… เป็นที่รู้กัน แต่จะว่าไปแล้วส่วนใหญ่ของก็สมราคาที่ …. หากมียามากระตุ้นยอดขายก็คงช่วยได้ไม่น้อย
แล้วเมืองไทยได้อะไรจากมาตรการนี้บ้าง?
มาตรการ QE ของญี่ปุ่นที่น่าจะส่งผลให้ค่าเงินเงินอ่อนค่าลงเพื่อกระตุ้นการขาย ก็น่าจะส่งผลดีต่อผู้นำเข้าที่จ่ายเงินน้อยลง แต่ในทางกลับกันก็ต้องกันมาดูค่าเงินบาทด้วยว่า ค่าเงินเราเปลี่ยนแปลงเป็นไปในแนวทางเดียวกับเงินเยนหรือเปล่า หรือสวนทางกัน ข้อนี้ต้องพิจารณาให้ดี หรือระยะเวลาในการชำระเงินเมื่อไร จำเป็นต้องซื้อความเสี่ยงในอัตราแลกแปลี่ยนหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ต้องประเมินและคิดให้ถี่ถ้วน เพราะทุกอย่างคือต้นทุนที่คุณต้องควักจากกระเป๋าทั้งนั้นเลยค่ะ
เครดิต : รายการช่องทางทำกิน ไทยพีบีเอส