“ระบบการผลิต” สัมพันธ์กับ “โลจิสติกส์” อย่างไร?
ปัจจัยที่จะช่วยให้โลจิสติกส์ทำงานได้สมบูรณ์แบบมีสามปัจจัยก็คือ ลูกค้าสัมพันธ์ ระบบการผลิต และการจัดซื้อ ระบบการผลิต ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่องค์กรณ์ควรจะให้ความสำคัญเพราะระบบการผลิตจะเป็นการเพิ่มคุณภาพให้กับสินค้านั้น ๆ
ระบบการผลิตเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าของเราได้อย่างไร?
คำตอบก็คือ ระบบการผลิต จะทำการแปรสภาพสินค้าของเราให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าในที่นี้หมายถึงได้ทั้งผู้บริโภคลำดับสุดท้ายหรือว่าลูกค้าของบริษัทซึ่งอาจจะหมายถึงผู้บริโภคลำดับต่อไปในโซ่อุปทานซึ่งอาจจะยังเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทอื่นๆอยู่ก็เป็นได้
ประเด็นที่ ระบบการผลิต เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ มากที่สุดก็คือเรื่องของปริมาณของวัตถุดิบที่จะต้องสั่งในแต่ละครั้ง ส่วนเรื่องรอง ๆ ลงมาคือปริมาณของสินค้าที่จะผลิตในช่วงเวลาที่บริษัทได้วางแผนไว้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า อีกทั้งการเก็บสต็อคควรต้องสอดล้องสัมพันธ์กับปริมาณและประเภทที่ลูกค้าต้องการอีกด้วย
อีกสิ่งหนึ่งของระบบการผลิตที่โลจิสติกส์สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ ความหลากหลายของสินค้าที่สามารถใช้วิธีการผลิตแบบเดียวกันได้ ซึ่งในทางโลจิสติกส์เชื่อว่าถ้ามีความหลากหลายมาก ปริมาณต่อล็อตก็จะไม่ค่อยมาก มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบเพื่อที่จะผลิตและสามารถผลิตสินค้าออกมาได้ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งความหลากหลายและยืดหยุ่นนี่จะส่งผลเกี่ยวกับเรื่องการขนส่งและบริการทางด้านคลังสินค้าโดยเฉพาะ
ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อเทคโนโลยีเป็นอีกประการหนึ่งที่ โลจิสติกส์ จะช่วยได้มากได้แก่ ปริมาณการผลิต อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต และการจัดตั้งการเปลี่ยนระบบ สำหรับการขัดขวางทางปริมาณการผลิตก็จะเกี่ยวกับว่าจะผลิตสินค้าได้ครั้งละกี่หน่วยต่อเครื่องจักรหนึ่งเครื่องในระยะเวลาหนึ่ง เป็นต้น สำหรับทางด้านอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตก็คือการใช้ เครื่องจักรชนิดหนึ่งเพื่อมาทำงานหลายๆอย่าง บางครั้งโรงงานไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามจำนวนที่ต้องการได้เพราะเครื่องจักรมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอและไม่สามารถปรับให้เข้ากับความหลากหลายและยืดหยุ่นของสินค้าได้ ส่วนเรื่องของการจัดตั้งและเปลี่ยนระบบนี่ก็เป็นเรื่องของการที่ผู้ผลิตต้องการจะผลิตให้ได้หลากหลายและยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้มีการเปลี่ยนหรือซื้ออุปกรณ์มาเพิ่มและบางกรณีการติดตั้งที่ต้องเสียเวลา ทำให้มีผลกระทบต่อการผลิตเป็นการชั่วคราวส่งผลให้เวลาที่ได้วางแผนไว้จะล่าช้าไปด้วย
สิ่งสุดท้ายที่โลจิสติกส์จะสามารถช่วยระบบการผลิตได้มากถึงมากที่สุดคืิอเรื่องของการกำหนดระยะเวลา นับตั้งแต่สั่งซื้อวัตถุดิบจนกระทั่งได้รับวัตถุดิบนั้นจากผู้ผลิต โลจิสติกส์ จะช่วยในเรื่องของระยะเวลารอคอยสินค้าที่จะซื้อวัตถุดิบเพื่อที่วัตถุดิบจะมาทันเวลา และไม่ทำให้ระบบการผลิตที่ได้วางแผนไว้ติดขัด โลจิสติกส์จะช่วยในเรื่องของการปริมาณการกักตุนสินค้าเพื่อป้องกันทางเรื่องของความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติหรือในเรื่องของการผิดพลาดทางระบบการผลิต เป็นต้น
โลจิสติกสามารถช่วยระบบการผลิตได้อย่่างมากดังที่เห็นจากประโยชน์ข้างต้นที่กล่าวมา แต่ถ้าไม่มีการช่วยเหลือของการไหลเวียนของข้อมูล การสื่อสารของผู้ซื้อและผู้ขายก็จะเป็นไปได้ยากขึ้นและทุกอย่างก็จะใช้เวลานานกว่า